วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อสังหาริมทรัพย์ดัชนีหลัก ชี้เศรษฐกิจปี 2011

สรุปข่าวงานสัมมนาใหญ่ประจำปี 2011 "อสังหาริมทรัพย์ดัชนีหลัก ชี้เศรษฐกิจปี 2011 วันที่ 21 มกราคม 2554

ชี้ทิศธุรกิจอสังหาฯปี′54 คอนโดฯส่อฟุบ แนวราบฟื้น ลงทุนแนวรถไฟฟ้ายังรุ่ง
สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ชี้ทิศธุรกิจอสังหาฯปี′54 ชี้แนวน้มตลาดยังโต แต่ชะลอตัวลง ระบุคอนโดฯจะลดลง เหตุได้รับผลกระทบจากมาตรการคุมปล่อยกู้ของแบงก์ชาติ แต่ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยวจะเริ่มกลับมา ชี้ลงทุนทำเลแนวรถไฟฟ้ายังน่าสนใจ ขณะที่ซื้อคอนโดฯปล่อยเช่ากำลังซื้อเริ่มแผ่ว
3 สมาคมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย) จัดสัมมนาใหญ่ประจำปี หัวข้อ "อสังหาริมทรัพย์ดัชนีหลักชี้เศรษฐกิจปี 2011" ที่ผ่านมาสรุปสาระสำคัญแนวโน้ม ดังนี้  
ผู้ซื้อระวัง "มาตรการคุมเข้มสินเชื่อ"
"กิตติ พัฒนพงศ์พิบูล" ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย ให้มุมมองว่า จากนโยบายของแบงก์ชาติที่ออกมาตรการ LTV กำหนดการปล่อยสินเชื่อซื้อคอนโดฯราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ต้องวางเงินดาวน์ 10% นั้น พบว่าในหลายประเทศก็มีมาตรการเช่นนี้ อย่างอเมริกากำหนดวงเงินปล่อยกู้ที่ 80% มานานแล้ว จีนและฮ่องกง 70% แต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นเป็น 80% ส่วนเกาหลีใต้ถือว่ามีมาตรการเข้มข้นเฉลี่ยจะจำกัดการปล่อยกู้ที่อยู่อาศัยไม่เกิน 60% ถ้าพื้นที่ใจกลางกรุงโซลจะปล่อยกู้ไม่เกิน 45-50% เท่านั้น ทำให้ทุกประเทศที่กล่าวมามีอัตราหนี้เสียต่ำกว่าประเทศไทยทั้งสิ้น
ดังนั้น ในฝั่งของผู้ซื้อบ้านคงจะต้อง เตรียมตัวให้พร้อม เนื่องจากในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่าแบงก์ชาติอาจเพิ่มความเข้มข้นในการจำกัดวงเงินปล่อย สินเชื่อที่อยู่อาศัยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ
"สัมมา คีตศิน" ผู้อำนวยการ REIC (ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์) ระบุว่า แนวโน้มใน ปีนี้คาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงจากปีที่ผ่านมา โดยมีห้องชุดเปิดตัวใหม่ 6.6 หมื่นหน่วย ส่วนในปีนี้คาดว่าการเปิดตัวคอนโดฯจะลดลงเหลือประมาณ 6 หมื่นหน่วย ส่วนแนวราบเปิดตัวใหม่ประมาณ 4.3 หมื่นหน่วย ปีนี้คาดว่าเพิ่มเล็กน้อยเป็น 4.3-4.5 หมื่นหน่วย
เรียลดีมานด์แนวราบ ราคา 3-5 ล้าน
นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดมุมมองว่า แนวโน้มธุรกิจบ้านจัดสรรปีนี้ บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์จะกลับมา ปัจจัยมาจากโครงการคอนโดมิเนียมที่มีมาตรการ LTV บังคับใช้ ประกอบกับโครงการ รถไฟฟ้าเริ่มมีการขยายออกไปชานเมืองมากขึ้นบางสายทาง เช่น แอร์พอร์ตลิงก์เปิดให้บริการแล้ว เทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา โครงการบ้านจัดสรรมีภาวะชะลอตัวต่อเนื่อง แต่ปีนี้น่าจะเริ่มกลับมา
ราคาที่น่าจะขายดี (เรียลดีมานด์) ยังเกาะกลุ่ม 3-5 ล้านบาท โดยทำเลในเมืองจะเป็นโปรดักต์ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮมที่เข้ามาทดแทนตลาดอาคารชุดราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาท เนื่องจากสามารถอยู่อาศัยเป็นครอบครัว เทียบกับคอนโดฯที่พักอาศัยได้เพียง 1-2 คน
นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดให้เช่าออฟฟิศบิลดิ้งมีอัตราพื้นที่ว่างประมาณ 14% ถือว่า อยู่ในระดับทรงตัว ไม่ได้ดีขึ้นกว่าปี 2552 ขณะที่ราคาค่าเช่าปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ค่าเช่าพื้นที่เกรดเอ 680 บาท/ตร.ม. แนวโน้มคาดว่าปีที่ผ่านมาน่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว ปีนี้น่าจะกลับมาเติบโตได้บ้าง แต่ไม่หวือหวา
รายกลาง-ย่อย... "ถูกเบียดจากเวที"
นายธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า การพัฒนาคอนโดฯในปีนี้ ผู้ประกอบการจะต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง ทำเลที่น่าสนใจยังคงต้องเป็นทำเลเกาะแนวรถ ไฟฟ้า แต่ถ้าจะพัฒนาคอนโดฯทำเลออกนอกเมือง ผู้ประกอบการต้องดูเรื่องการ ตั้งราคา เพราะต้องแข่งขันโดยตรงกับทาวน์เฮาส์ที่มีราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน สินเชื่อคอนโดฯถูกคุมเข้มมากขึ้น เท่าที่ทราบปัจจุบันมีสถาบันการเงินบางแห่งกำหนดงวดการปล่อยสินเชื่อพรีไฟแนนซ์จะต้องมียอดพรีเซลหรือยอดจองห้องชุด 50% ถึงจะปล่อยเงินงวดให้กับผู้พัฒนาโครงการ
สิ่งที่อยากจะเตือนในกลุ่มผู้ลงทุนซื้อคอนโดฯเพื่อปล่อยเช่า อาจไม่ได้มีกำลังซื้อมารองรับมากนัก อย่างลูกค้าคนไทย ราคาเช่าที่ต้องการคือ 5,000 บาท/เดือน ถ้าต้องการค่าเช่าสูงเกิน 7,000-8,000 บาท/เดือน ต้องเป็นกลุ่มลูกค้าเช่าชาวต่างชาติ ซึ่งประเมินแล้วไม่น่าจะมีจำนวนมากนัก
สำหรับปัจจัยบวกและปัจจัยลบที่จะมีผลในปีนี้ คือ 1.ราคาน้ำมัน 2.อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น 3.ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ค่าแรงปรับเพิ่มตลอดเวลา 4.ราคาวัสดุ 5.ความเข้มงวดกฎระเบียบภาครัฐ 6.สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะต่อผู้ประกอบการรายกลาง-รายย่อย "...อาจถูกเบียดตกเวที"

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น