สรุปข่าวงานสัมมนาใหญ่ประจำปี 2011 "อสังหาริมทรัพย์ดัชนีหลัก ชี้เศรษฐกิจปี 2011 วันที่ 21 มกราคม 2554
ชี้ทิศธุรกิจอสังหาฯปี′54 คอนโดฯส่อฟุบ แนวราบฟื้น ลงทุนแนวรถไฟฟ้ายังรุ่ง
สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ชี้ทิศธุรกิจอสังหาฯปี′54 ชี้แนวน้มตลาดยังโต แต่ชะลอตัวลง ระบุคอนโดฯจะลดลง เหตุได้รับผลกระทบจากมาตรการคุมปล่อยกู้ของแบงก์ชาติ แต่ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยวจะเริ่มกลับมา ชี้ลงทุนทำเลแนวรถไฟฟ้ายังน่าสนใจ ขณะที่ซื้อคอนโดฯปล่อยเช่ากำลังซื้อเริ่มแผ่ว
3 สมาคมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย) จัดสัมมนาใหญ่ประจำปี หัวข้อ "อสังหาริมทรัพย์ดัชนีหลักชี้เศรษฐกิจปี 2011" ที่ผ่านมาสรุปสาระสำคัญแนวโน้ม ดังนี้
ผู้ซื้อระวัง "มาตรการคุมเข้มสินเชื่อ"
"กิตติ พัฒนพงศ์พิบูล" ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย ให้มุมมองว่า จากนโยบายของแบงก์ชาติที่ออกมาตรการ LTV กำหนดการปล่อยสินเชื่อซื้อคอนโดฯราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ต้องวางเงินดาวน์ 10% นั้น พบว่าในหลายประเทศก็มีมาตรการเช่นนี้ อย่างอเมริกากำหนดวงเงินปล่อยกู้ที่ 80% มานานแล้ว จีนและฮ่องกง 70% แต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นเป็น 80% ส่วนเกาหลีใต้ถือว่ามีมาตรการเข้มข้นเฉลี่ยจะจำกัดการปล่อยกู้ที่อยู่อาศัยไม่เกิน 60% ถ้าพื้นที่ใจกลางกรุงโซลจะปล่อยกู้ไม่เกิน 45-50% เท่านั้น ทำให้ทุกประเทศที่กล่าวมามีอัตราหนี้เสียต่ำกว่าประเทศไทยทั้งสิ้น
ดังนั้น ในฝั่งของผู้ซื้อบ้านคงจะต้อง เตรียมตัวให้พร้อม เนื่องจากในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่าแบงก์ชาติอาจเพิ่มความเข้มข้นในการจำกัดวงเงินปล่อย สินเชื่อที่อยู่อาศัยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ
"สัมมา คีตศิน" ผู้อำนวยการ REIC (ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์) ระบุว่า แนวโน้มใน ปีนี้คาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงจากปีที่ผ่านมา โดยมีห้องชุดเปิดตัวใหม่ 6.6 หมื่นหน่วย ส่วนในปีนี้คาดว่าการเปิดตัวคอนโดฯจะลดลงเหลือประมาณ 6 หมื่นหน่วย ส่วนแนวราบเปิดตัวใหม่ประมาณ 4.3 หมื่นหน่วย ปีนี้คาดว่าเพิ่มเล็กน้อยเป็น 4.3-4.5 หมื่นหน่วย
เรียลดีมานด์แนวราบ ราคา 3-5 ล้าน นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดมุมมองว่า แนวโน้มธุรกิจบ้านจัดสรรปีนี้ บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์จะกลับมา ปัจจัยมาจากโครงการคอนโดมิเนียมที่มีมาตรการ LTV บังคับใช้ ประกอบกับโครงการ รถไฟฟ้าเริ่มมีการขยายออกไปชานเมืองมากขึ้นบางสายทาง เช่น แอร์พอร์ตลิงก์เปิดให้บริการแล้ว เทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา โครงการบ้านจัดสรรมีภาวะชะลอตัวต่อเนื่อง แต่ปีนี้น่าจะเริ่มกลับมา ราคาที่น่าจะขายดี (เรียลดีมานด์) ยังเกาะกลุ่ม 3-5 ล้านบาท โดยทำเลในเมืองจะเป็นโปรดักต์ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮมที่เข้ามาทดแทนตลาดอาคารชุดราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาท เนื่องจากสามารถอยู่อาศัยเป็นครอบครัว เทียบกับคอนโดฯที่พักอาศัยได้เพียง 1-2 คน นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดให้เช่าออฟฟิศบิลดิ้งมีอัตราพื้นที่ว่างประมาณ 14% ถือว่า อยู่ในระดับทรงตัว ไม่ได้ดีขึ้นกว่าปี 2552 ขณะที่ราคาค่าเช่าปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ค่าเช่าพื้นที่เกรดเอ 680 บาท/ตร.ม. แนวโน้มคาดว่าปีที่ผ่านมาน่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว ปีนี้น่าจะกลับมาเติบโตได้บ้าง แต่ไม่หวือหวา รายกลาง-ย่อย... "ถูกเบียดจากเวที" นายธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า การพัฒนาคอนโดฯในปีนี้ ผู้ประกอบการจะต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง ทำเลที่น่าสนใจยังคงต้องเป็นทำเลเกาะแนวรถ ไฟฟ้า แต่ถ้าจะพัฒนาคอนโดฯทำเลออกนอกเมือง ผู้ประกอบการต้องดูเรื่องการ ตั้งราคา เพราะต้องแข่งขันโดยตรงกับทาวน์เฮาส์ที่มีราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ขณะเดียวกัน สินเชื่อคอนโดฯถูกคุมเข้มมากขึ้น เท่าที่ทราบปัจจุบันมีสถาบันการเงินบางแห่งกำหนดงวดการปล่อยสินเชื่อพรีไฟแนนซ์จะต้องมียอดพรีเซลหรือยอดจองห้องชุด 50% ถึงจะปล่อยเงินงวดให้กับผู้พัฒนาโครงการ สิ่งที่อยากจะเตือนในกลุ่มผู้ลงทุนซื้อคอนโดฯเพื่อปล่อยเช่า อาจไม่ได้มีกำลังซื้อมารองรับมากนัก อย่างลูกค้าคนไทย ราคาเช่าที่ต้องการคือ 5,000 บาท/เดือน ถ้าต้องการค่าเช่าสูงเกิน 7,000-8,000 บาท/เดือน ต้องเป็นกลุ่มลูกค้าเช่าชาวต่างชาติ ซึ่งประเมินแล้วไม่น่าจะมีจำนวนมากนัก สำหรับปัจจัยบวกและปัจจัยลบที่จะมีผลในปีนี้ คือ 1.ราคาน้ำมัน 2.อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น 3.ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ค่าแรงปรับเพิ่มตลอดเวลา 4.ราคาวัสดุ 5.ความเข้มงวดกฎระเบียบภาครัฐ 6.สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะต่อผู้ประกอบการรายกลาง-รายย่อย "...อาจถูกเบียดตกเวที"
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ | |
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น